5 ปี นโยบายยกเว้นภาษาคริปโตในประเทศไทย ตามประกาศคณะรัฐมนต์เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568
นโยบายยกเว้นภาษีคริปโตในประเทศไทย ที่ประกาศโดย คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 📅
🗓️ ระยะเวลาการยกเว้น
- เริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 (2025) จนถึง 31 ธันวาคม 2572 (2029) — รวมระยะเวลา 5 ปีเต็ม (Siam Blockchain)
✅ เงื่อนไขการได้รับสิทธิ์
- ต้องเป็น บุคคลธรรมดา (ผู้ลงทุนทั่วไป)
- กำไรจาก Capital Gains เท่านั้น
(ไม่รวมรายได้จากการขุด, airdrop, หรือได้รับคริปโตเป็นค่าจ้าง)
(efinancethai.com)
- ทำการเทรดผ่าน แพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาต ได้แก่
- Exchange,
Broker หรือ Dealer ที่มี ใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ( Bitkub
Exchange)
📌 สิทธิ์ที่ได้รับ
- ไม่ต้องเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Capital
Gains) จากการขายคริปโตภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
- ไม่ต้องถูกหักภาษี
ณ ที่จ่าย 15% ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ ( Bitkub
Exchange, workpointTODAY)
- ไม่ครอบคลุมถึง:
กำไรจาก airdrop, mining, หรือรายได้อื่น
ๆ ที่นอกเหนือจากการขายผ่านแพลตฟอร์ม 🛑
💡 เหตุและเป้าหมาย
- รัฐบาลตั้งเป้าดันไทยเป็น ศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital
Asset Hub) ในภูมิภาคและโลก (Siam Blockchain)
- คาดว่าจะกระตุ้นการลงทุน
ส่งเสริมผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มในประเทศ และช่วยสร้างรายได้ทางอ้อมจาก VAT และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท (workpointTODAY, CoinCentral, efinancethai.com)
- รัฐเน้นความโปร่งใส
ควบคุมแพลตฟอร์มที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสอดคล้องกับมาตรฐาน FATF/OECD (efinancethai.com, AInvest)
🧾 สรุปศัพท์ง่าย
รายการ |
รายละเอียด |
ใคร? |
บุคคลธรรมดา
ที่ขายคริปโต |
อะไร? |
กำไรจาก Capital Gains |
เมื่อไหร่? |
ซื้อ–ขายระหว่าง
1 ม.ค. 2568 – 31 ธ.ค. 2572 |
ที่ไหน? |
เทรดเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มที่
ก.ล.ต. อนุญาต |
ได้อะไร? |
ไม่เสียภาษี กำไรจากคริปโต (capital gains) |
📝 ข้อแนะนำเพิ่มเติม: แม้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้
แต่รายได้จากแหล่งที่ไม่เข้าข่าย เช่น mining หรือ airdrop ยังอาจต้องเสียภาษีตามประเภทของรายการนั้น
ๆ และควรเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ยืนยันหากกรมสรรพากรตรวจสอบ